วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 3

ครั้งที่ 3
บันทึก สัปดาห์ที่ 4
       วิชา : การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
       อาจารย์ผู้สอน : อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
       วัน/เดือน/ปี : 26 มกราคม พ.ศ.2558
       กลุ่มเรียน : 104 (วันจันทร์ : บ่าย)
       เวลาเข้าเรียน 12:20-15:50 ห้องเรียน : 435

ชั่วโมงที่ 4 ของการเรียนการสอน วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย ได้เรียนในเรื่อง บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม เริ่มการสอนด้วยการวาดรูป อาจารย์เปิดรูปดอกบัวแล้วให้นักศึกษาวาดรูปนี้ให้เหมือนที่สุด พร้อมเขียนบรรยายว่าเห็นอะไรในภาพ
                    
รูปดอกบัว
รูปวาดของฉัน

หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้าสู่บทเรียนในวันนี้

บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
1.ครูไม่ควรวินิจฉัย
2.ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
3.ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
ครูไม่ควรวินิจฉัย คือ ครูไม่ควรตัดสินใจจากการดูอาการหรือสัญญาณบางอย่าง ที่เด็กได้แสดงออกมา ว่าเด็กแสดงอาการแบบนี้แล้วเด็กต้องเป็นเด็กพิเศษ
ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก คือ ครูไม่ควรตั้งชื่อสมมุติหรือฉายาให้เด็ก การที่ครูตั้งชื่อสมมุติหรือฉายาแล้วนำไปเรียกเด็กคนนั้น เพื่อนๆเห็นครูเรียกเพื่อนๆก็จะเรียกตามครู ซึ่งจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อตัวเด็กที่ถูกตั้งฉายา
ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ คือ ครูไม่ควรนำเรื่องที่เด็กแสดงอาการบางอย่างหรือสิ่งที่เด็กไม่สามารถทำได้ไปเล่าให้พ่อแม่ของเด็กพิเศษรับรู้ เพราะว่าพ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักจะทราบอยู่แล้วว่าลูกของเขามีปัญหาด้านอะไรบ้าง ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นครูควรจะพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวกมากกว่าด้านลบ ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้ ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา

ครูทำอะไรบ้าง
                  ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
                  ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย (ครูต้องมีวิธีในการพูดที่ดี)
                  สังเกตเด็กอย่างมีระบบ (มีการจดบันทึก) ครูประจำชั้นจะเป็นคนสังเกตเด็กแบบระบบได้ดีที่สุด เพราะว่าครูอยู่ใกล้ชิดกับเด็กตลอด ครูได้เห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า ซึ่งต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
                  จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ

ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
                  ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
                  ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
                  พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป

การบันทึกการสังเกต
1.การนับอย่างง่ายๆ
2.การบันทึกต่อเนื่อง
3.การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
การนับอย่างง่ายๆ คือ การที่ครูนับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม เกิดกี่ครั้งในแต่ละวัน เกิดกี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง และระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรมของเด็ก

การบันทึกต่อเนื่อง คือ เป็นการบันทึกที่ดีที่สุด เป็นการบันทึกที่ให้รายละเอียดได้มากที่สุด เพราะว่าครูจะเขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่งหรือช่วงกิจกรรมหนึ่งซึ่งจะเขียนบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างทุกการกระทำของเด็กลงไปแม้กระทั้งคำพูดของเด็ก เวลาบันทึกครูไม่ควรใส่ความรู้สึกของตนเองลงไปด้วย
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง คือ เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง บันทึกลงบัตรเล็กๆ

การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
                  ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดของความบกพร่อง
                  พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ เช่น ดูดนิ้ว กัดเล็บ

การตัดสินใจ คือ ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง พฤติกรรมบางอย่างของเด็กที่เกิดขึ้นนั้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่

     หลังจากเรียนเนื้อหาจบแล้วอาจารย์ก็สอนร้องเพลงต่อ
เพลงที่อาจารย์สอน


     หลังจากร้องเพลงเสร็จอาจารย์ก็ให้นำรูปดอกบัวที่นักศึกษาทุกคนวาดมาเฉลยในการเขียนบรรยายจากสิ่งที่เห็น ซึ่งอาจารย์ได้สอนว่าการเขียนบรรยายรูปดอกบัวก็เหมือนการบันทึกต่อเนื่องนั้นเอง เช่น ดอกบัวมีกลีบ 14 กลีบ มีสีม่วง สีชมพู และสีขาว มีเกสรสีเหลือง มีจุดตรงกลาง มีก้านสีเขียว อยู่ใต้น้ำ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเขียนจากสิ่งที่เห็นไม่มีความรู้สึกของตนเองลงไปด้วย หลังจากนั้นอาจารย์ได้ให้ตอบคำถามหลังเรียน 




วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 2

ครั้งที่ 2
บันทึก สัปดาห์ที่ 3
       วิชา : การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
       อาจารย์ผู้สอน : อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
       วัน/เดือน/ปี : 19 มกราคม พ.ศ.2558
       กลุ่มเรียน : 104 (วันจันทร์ : บ่าย)
       เวลาเข้าเรียน 12:20-15:50 ห้องเรียน : 435

          ชั่วโมงที่ 3 ของการเรียนการสอน วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย ได้เรียนในเรื่อง รูปแบบการจัดการศึกษา การศึกษาแบบเรียนร่วม การศึกษาแบบเรียนรวม ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย ก่อนจะเริ่มเรียนเนื้อหา อาจารย์ได้ให้นักศึกษาร้องเพลงของสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเป็นการทบทวน จากนั้นก็เริ่มกิจกรรมการเรียนการสอน และท้ายชั่วโมงอาจารย์ได้ให้นักศึกษาตอบคำถามหลังจากที่เรียนเสร็จ

เนื้อหาที่เรียนในวันนี้
  • รูปแบบการจัดการศึกษา

-         การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
-         การศึกษาพิเศษ (Special Education)
-         การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
-         การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
    การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ คือ เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา

  • ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming) คือ การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปเรียนในโรงเรียนปกติ เด็กพิเศษจะอยู่ในความควบคุมของศูนย์ที่ดูแล เช่น ศูนย์การศึกษาพิเศษ โดยศูนย์ที่ดูแลเด็กจะทำหน้าที่ประสานงานกับโรงเรียนปกติเพื่อขอให้เด็กพิเศษเข้าไปเรียน ก่อนที่จะเข้าไปเรียนต้องเช็คว่าเด็กพิเศษคนนี้สามารถเรียนได้บางเวลาหรือเต็มเวลา โดยจะมีรายละเอียดดังนี้

การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
-         การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา เช่น เรียนเฉพาะวิชาดนตรี  พละ ศิลปะ เป็นต้น ต้องเลือกวิชาให้ตรงกับเด็กพิเศษ
-         เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
-         เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
-         การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
-         เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
-         มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
-         เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
  • ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education) คือ การศึกษาสำหรับทุกคน เด็กพิเศษสามารถสมัครเข้าเรียนได้เหมือนเด็กปกติทุกประการ โดยที่ไม่มีศูนย์การศึกษาพิเศษดูแลอยู่ เด็กพิเศษสามารถเข้าเรียนรวมได้ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ารับการศึกษา จนถึงจบการศึกษาเหมือนเด็กปกติทั่วไป

การศึกษาแบบเรียนรวมจะส่งเสริมให้เด็กพิเศษมีทักษะทางสังคม ทางภาษา ได้ดีกว่าการศึกษากับเด็กพิเศษด้วยกันเอง
การศึกษาแบบเรียนร่วมนั้นมีมาก่อนการศึกษาแบบเรียนรวม
Wilson (2007) ได้กล่าวไว้ว่า
-         การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก
-         การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
-         กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
-         เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
  • ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
-         ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
-         สอนได้ (สอนง่าย)
-         เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด เช่น กิจกรรมที่ยากเกินไป






ครั้งที่ 1

ครั้งที่ 1
บันทึก สัปดาห์ที่ 1 และ สัปดาห์ที่ 2
       วิชา : การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
       อาจารย์ผู้สอน : อาจารย์ตฤณ แจ่มถิ่น
       วัน/เดือน/ปี : 5 มกราคม พ.ศ.2558
       วัน/เดือน/ปี : 12 มกราคม พ.ศ.2558
       กลุ่มเรียน : 104 (วันจันทร์ : บ่าย)
       เวลาเข้าเรียน 12:20-15:50 ห้องเรียน : 435

            ชั่วโมงแรกและชั่วโมงที่ 2 ของการเรียนการสอน วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย อาจารย์ได้ทำการแนะแนวในเรื่องของการเรียนการสอน การแต่งกาย การให้คะแนน ใบปั้มการเข้าเรียน และอาจารย์ยังได้นำข้อสอบ วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่ความต้องการพิเศษ ในเทอมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทบทวนเนื้อหาที่เคยเรียนมา หลังจากนั้นอาจารย์ได้ให้นักศึกษาตอบคำถามเกี่ยวกับ วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่ความต้องการพิเศษ ซึ่งเป็นการทบทวนความรู้เดิมว่าจำได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่อาจารย์จะได้รู้ว่าควรจะพูดถึงเรื่องไหนอีก และอาจารย์ก็ได้สอนร้องเพลง 5 เพลงด้วยกัน ซึ่งเป็นเพลงที่เหมาะกับเด็กพิเศษและเด็กปฐมวัย 


เพลงที่อาจารย์สอน